ค็อกพิท สามไทย

เมื่อไรควรเปลี่ยนยางรถยนต์

จะเลือกเปลี่ยนยางรถยนต์ 4 เส้น ต้องดูปัจจัยอะไรบ้าง เป็นสิ่งที่เราควรต้องรู้ไว้เพื่อไม่ให้ถูกหลอกให้ต้องเปลี่ยนยางไวก่อนกำหนด เพราะยังมีผู้ใช้รถหลายๆท่านที่ยังไม่เข้าใจว่า ยางต้องอยู่ในสภาพไหน ถึงควรจะต้องเปลี่ยนยางรถยนต์ เวลาเอารถไปเข้าศูนย์ทีไรก็โดนทักว่ายางเสื่อมสภาพ ยางหมดอายุแล้ว ต้องรีบเปลี่ยนยางได้แล้ว ตลอดทุกที

ความสำคัญของยางรถยนต์

ยางเป็นส่วนประกอบสำคัญของรถ ที่รับน้ำหนักของรถไว้บนยาง 4 เส้น เป็นตัวกลางถ่ายทอดพลังการขับเคลื่อน และการหยุดรถลงสู่พื้นผิวถนน การขับรถโดยที่ยางอยู่ในสภาพที่ผิดปกติ อาจส่งผลอันตรายต่อผู้ขับขี่ได้ แล้วเมื่อไรควรเปลี่ยนยางล่ะ วันนี้ค็อกพิทสามไทย จะอธิบายให้ฟัง

คำถามสุดคลาสสิคที่ทางร้านหรือแม้กระทั่งผู้เขียนเองมักจะถูกถามจากเพื่อน หรือจากลูกค้ากันบ่อยๆ ว่าเปลี่ยนยางทุกๆกี่ปี ต้องเปลี่ยนที่เลขไมล์เท่าไร เปลี่ยนยางไปแล้วยางมีอายุใช้งานกี่ปี

ตามความเข้าใจคนทั่วไปมักพูดกันว่า ยางมีอายุแค่ 2 ปี 4 ปีบ้าง ต้องเปลี่ยนยางเมื่อขับขี่ไปแล้ว 50,000 กม. บางคนก็บอกว่าไม่ต้องสนใจว่าจะขับมากี่ กม. แล้ว ให้เปลี่ยนทันทีเมื่อเวลาผ่านไปครบ 2 ปี ซึ่งทำให้ผู้ใช้รถบางรายเปลี่ยนยางไวก่อนกำหนด สิ้นเปลืองเงินทองโดยใช่เหตุ ผู้ใช้บางรายดอกยางสึกหมดแล้วแต่ยังขับอยู่เพราะยังขับไม่ถึง 50,000 กม. ก็อาจก่อให้เกิดอันตรายบนท้องถนน ผู้ใช้รถบางรายยางคู่หน้าโล้นหมดแล้วแต่คู่หลังยังดีอยู่ เพราะลืมสลับยางตามกำหนดระยะ เลยทำให้ต้องเปลี่ยนยางไวก่อนกำหนด

“แล้วเมื่อไรถึงเวลาต้องเปลี่ยนยางล่ะ”

บริดจสโตน ยางแบรนด์สัญชาติญี่ปุ่น ได้ให้คำแนะนำไว้ว่า “เพื่อให้การขับขี่ปลอดภัย ดอกยางควรจะต้องมีความลึกขั้นต่ำอย่างน้อย 1.6 มิลลิเมตร พื้นผิวยางต้องไม่มีความผิดปกติใดๆ” วิธีตรวจสอบเลยดูจาก

  1. เช็กจากสัญลักษณ์ในร่องดอกยาง ยางทุกเส้นจะมีปุ่มในร่องดอกยางเพื่อใช้วัดความลึกร่องดอกยางที่เรียกว่า สะพานยาง ถ้าเมื่อไรดอกยางสึกเท่ากันกับ สะพานยางแล้ว นั่นแหละถึงเวลาต้องเปลี่ยนยางใหม่
  2. นอกจากความลึกร่องยางแล้ว สิ่งที่ควรตรวจสอบเลยก็คือ หน้ายางสึกหรอเท่ากันทั่วทั้งพื้นผิว และยางไม่มีความผิดปกติใดๆ (เช่น หน้ายางสึกไม่เท่ากัน ยางบวม แก้มยางปูด)
สะพานยาง
รูป : สะพานยาง

แต่อย่างไรก็ตาม ในฤดูหน้าฝนเราไม่จำเป็นต้องรอให้ความลึกร่องยางต้องเหลือ 1.6 มิลลิเมตรแล้วค่อยเปลี่ยนยาง หรือถ้าคุณใช้งานรถเป็นประจำทุกวัน ขับระยะทางไกลบ่อย ให้รีบเปลี่ยนยางทันทีที่ความลึกร่องยางเหลือต่ำกว่า 4 มิลลิเมตร หรือมากกว่านั้น เพราะความลึกร่องยางที่ต่ำลงเท่าไร คุณสมบัติการยึดเกาะถนนเปียก และสมรรถะของยางจะแย่ลงตามเมื่อนั้น และความเสี่ยงของการเกิดการเหินน้ำจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก ยิ่งไปกว่านั้น ระยะเบรกจะนานขึ้น และรถจะลื่นไถลได้ง่ายขึ้น

ดังนั้น กลับมาคำถามที่ว่าเมื่อไรควรเปลี่ยนยางล่ะ คำตอบที่ได้ก็คือ ถ้ายางของคุณความลึกร่องยางยังเกิน 1.6 มิลลิเมตรอยู่ ยังไม่ถึงสะพานยาง และไม่พบสิ่งผิดปกติใดๆบนพื้นผิวของยาง แสดงว่ายางของคุณยังใช้งานได้อยู่ แล้วถ้าคุณใช้รถเป็นประจำทุกวัน ขับรถทางไกลบ่อย หรือใกล้จะถึงหน้าฝน แนะนำว่าไม่ต้องรอให้ร่องยางต่ำถึง 1.6 มิลลิเมตร ถึงค่อยเปลี่ยนยาง แต่ให้เปลี่ยนเมื่อความลึกร่องยางเหลือต่ำกว่า 4 มิลลิเมตรเลย

“ฤดูฝนจะเปลี่ยนยาง ไม่ต้องรอให้ความลึกร่องยางต่ำกว่า 1.6 มม.”

เมื่ออ่านถึงตรงนี้จะเห็นว่าที่เราไม่แนะนำให้ดูจากเลขไมล์เลย เพราะยางบางรุ่น บางแบรนด์ คุณลักษณะ ส่วนผสมไม่เหมือนกัน การสึก ความทนทานแตกต่างกัน หรือแม้แต่พฤติกรรมการขับขี่ของผู้ใช้ อุณหภูมิและสภาพอากาศ สภาพพื้นผิวถนน การดูแลบำรุงรักษา ลมยาง ก็ส่งผลต่ออายุยางเหมือนกัน ยกตัวอย่างเช่น

  • นาย A มีพฤติกรรมการขับขี่ที่รุ่นแรง เช่น การเบรกกะทันหัน ออกตัวแรง หรือขับรถด้วยความเร็วสูงเป็นประจำ ทำให้ยางสึกหรอเร็วกว่าปกติ อายุยางอาจลดเหลือแค่ 35,000 กม.
  • นาย B ใช้รถแต่ในเมือง ขับขี่ไม่กระชาก หมั่นสลับยางถ่วงล้อเป็นประจำ อายุยางอาจยืดได้ถึง 50,000 กม.
  • นาย C จอดรถตากแดดกลางแจ้งตลอดเวลาโดยไม่มีการป้องกันแสงแดด ผ่านไป 2 ปี ยางแตกลายงาแล้ว ขับขี่ไม่นุ่มนวล แข็งกระด้าง เสียงดัง
  • นาย D ขับรถเข้าไซด์งานก่อสร้าง ถนนที่ขรุขระ เต็มไปด้วยหลุมบ่อ หรือต้องขับขี่ฝ่าเศษวัสดุคม ไม่ถึง 3 เดือน หน้ายางบวม แก้มยางบาดทะลุแล้ว
  • นาย E ขับรถสปอร์ต ยางคู่หน้า คู่หลัง ขนาดยางแตกต่างกัน ยางคู่หน้าขับไปแค่ 30,000 กม. ดอกยางโล้นแล้ว แต่ยางคู่หลังดอกยางยังเหลือเยอะอยู่
  • นาย D ขับรถประจำทุกวัน นานๆทีเช็กลมยาง ปล่อยให้ลมยางต่ำกว่าค่ามาตรฐานอยู่บ่อยๆ ขับไป 1 ปี ดอกยางสึกผิดปกติ สึกไม่เท่ากันแล้ว

จะเห็นว่าการเลือกเปลี่ยนยางไม่มีสูตรตายตัวว่าต้องเลือกเปลี่ยนตอนไหน เลือกเปลี่ยนที่เลขไมล์เท่าไร แต่ให้เลือกดูที่ความลึกร่องยางกับสภาพยางเป็นหลัก โดยไม่ต้องสนใจอายุยางมากนัก อย่างไรก็ตาม หากคุณสังเกตเห็นสัญญาณเตือนตามที่กล่าวไว้ข้างต้น มีสิ่งผิดปกติที่ผิวยาง เช่น ยางบวม ยางมีรอยปริแตก ควรเปลี่ยนยางโดยเร็วที่สุดโดยไม่ต้องรอให้ถึงระยะตามที่กำหนดก็ได้

เพิ่มเติมเราขอแนะนำให้คุณเปลี่ยนยางที่มีอายุการใช้งานยางรถยนต์มากกว่า 10 ปีขึ้นไป ถึงแม้ว่ายางเหล่านั้นจะยังดูสามารถใช้ได้ดีก็ตามโดยสังเกตวันที่ผลิตของยางรถยนต์ ซึ่งจะประทับอยู่บริเวณแก้มยางในรูปชุดตัวเลข 4 หลัก เช่น “1222” หมายถึงยางเส้นนั้นผลิตขึ้นในสัปดาห์ที่ 12 ของปี 2022

ตาคุณแล้ว

มาตรวจเช็กสภาพยางบนรถคุณกันเถอะ เช็กสภาพยางง่ายๆทำได้ที่บ้าน โดยใช้ตาเปล่าสังเกตุร่องยางว่าต่ำเท่าสะพานยางแล้วหรือยัง ตรวจดูสภาพยางรอบๆทั้ง 4 เส้นว่ามีรอยปูด รอยบวมตรงแก้มยางไหม ถ้าไม่พบเจอสิ่งผิดปกติ ยางของคุณได้ไปต่อ แต่ถ้าเจอสิ่งผิดปกติมาให้ช่างค็อกพิทสามไทยทำการแก้ไข หรือให้ตรวจสอบเพิ่มเติมได้เลยครับ

Share:

ขนาดยาง *
จำนวน
เลือกสาขา *
ชื่อ-นามสกุล *
เบอร์ติดต่อ *
อีเมล์
ต้องการให้ติดต่อกลับทาง *
*ข้อมูลของท่านจะถูกใช้เพื่อการติดต่อยืนยันการจองเท่านั้น และจะไม่ถูกนำไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์ทางการตลาด